พี่น้องชาวเกษตรกรคงสงสัยใช่ไมครับ ว่าทำไมเกษตรกรส่วนใหญ่เลือกใช้ เมล็ดพันธุ์ ที่ผลิตมาจากโรงงาน ทั้งที่มีราคาที่สูง
เมื่อได้ผลผลิตแล้วก็ไม่ควรเอาเมล็ดพันธุ์ที่ได้ไปปลูกซ้ำ ทำให้ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์จากผู้ขายต่อไปเรื่อยๆ ในทุกๆครั้งหลังการเก็บเกี่ยว โดยมีสายพันธุ์มากมายให้เลือก หนึ่งในสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงคือ เมล็ดพันธุ์ลูกผสมเอฟวันไฮบริกซ์ หรือที่เรียกสั้นๆว่า F1
ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ที่บริษัทผู้ผลิตใช้เทคนิคทำให้เป็นหมัน ไม่สามารถนำไปขยายพันธุ์ปลูกต่อได้ เพื่อเกษตรกรจะได้ตกเป็นทาสซื้อเมล็ดพันธุ์ไม่จบสิ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วการนำเมล็ดพันธุ์ที่ได้จากการปลูกไปขยายพันธุ์ปลูกต่อนะ้นสามารถทำได้ จึงไม่สามารถสรุปได้ว่า เมล็ดพันธุ์ F1 นั้นเป็นหมัน แต่รู้หรือไม่ ?
เคยได้ยินไหม… พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน แต่งงานกันลูกจะปัญญาอ่อน การผลิตเมล็ดพันธุ์ F1 ก็เช่นกัน…อยู่ภายใต้กฎนี้ เนื่องจากขบวนการผลิตของเมล็ดพันธุ์เริ่มจากนักปรับปรุงพันธุ์พืชจะเสาะหาพ่อแม่พันธุ์ที่ลักษณะเด่น มาทำ
ไปปลูกขยายพันธุ์ต่อได้ไหม ?
ต่างกับเมล็ดพันธุ์พื้นเมืองทั่วไป ไม่ได้ถือกำเนิดมาจากพ่อแม่พันธุ์บริสุทธิ์…แต่เป็นการผสมข้ามไปมาหลายพ่อหลายแม่มาหลายร้อยหลายพันรุ่น โอกาสจะเกิดปัญหามีน้อย
และถ้าเอาเมล็ดพันธุ์จาก F2 ไปปลูกต่อเป็น F3 ผลผลิตที่ออกมาจะมีโอกาสสวยเหมือน F1 แค่ 25%…อีก 75% จะเอ๋อ…ถ้าเอาไปปลูกต่ออีก คราวนี้จะมีเอ๋อปัญญาอ่อน 87.5% มีดีแค่ 12.5% เลยมีคำถามกลับมาว่า เมื่อเอาเมล็ดจากลูกผล F1 ไปปลูกต่อ ผลผลิตครึ่งหนึ่งขายได้ราคา อีกครึ่งต้องโยนทิ้ง คุณจะเสี่ยงเอาไปปลูกต่อไหม เพราะต้นทุนการปลูกพืชท94% เป็นค่าแรง+ค่าเตรียมดิน+ค่าปุ๋ยค่ายา…ส่วนค่าเมล็ดพันธุ์มีสัดส่วนเป็นต้นทุนแค่ 6% เท่านั้นเอง
ไฮบริกซ์3 เมล็ดสุดฝักดีครับ