วิธีปลูก มะละกอ ส้มตำ ให้ได้ต้นกะเทย 90%
วิธีปลูก มะละกอ ส้มตำ ให้ได้ต้นกะเทย 90%
มะละกอเป็นพืชที่สำคัญทางเศรษฐกิจอย่างมาก โดยเฉพาะมะละกอกินดิบ
สำหรับเป็นวัตถุดิบหลักของส้มตำ ซึ่งมีความต้องการมากถึง 45 เปอร์เซนต์
ของความต้องการมะละกอทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ความต้องการ
มะละกอ ส้มตำ มีมากในตลาดแต่รูปทรงและลักษณะของผลผลิต
ซึ่งขึ้นอยู่กับ วิธีปลูกมะละกอ ส้มตำ
เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อราคาของ มะละกอ ส้มตำ ด้วยเช่นเดียวกัน
เนื่องจากสาเหตุนี้ ทำให้เกษตรกรจึงคาดหวังให้ต้นมะละกอ
ที่ปลูกนั้น เป็นต้นกะเทยทั้งหมด เพราะจะให้ผลผลิตที่ดีทรงผลยาวตรง
กับความต้องการตลาด ขณะที่หากเป็นต้นเพศเมียจะให้
ผลผลิตที่กลมไม่เป็นที่ต้องการของตลาด
โดยวิธีทั่วไป การทำเมล็ดให้มีอัตราส่วนต้นกะเทยมากๆจะทำได้ จาก
การที่ผู้ปลูกมะละกอจะห่อดอกกะเทยด้วยมุ้งหรือผ้าขาวบาง เพื่อให้
เกสรของดอกกะเทยนั้นผสมกันเอง และไม่ผสมข้ามพันธุ์กับตัวอื่นๆ
เมื่อผลมะละกอสุกแก่ก็นำไปเพาะให้ได้ต้นใหม่ ซึ่งวิธีนี้จะมีโอกาส
เป็นต้นกะเทยประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือ 30 เปอร์เซ็นต์เป็น
ต้นตัวเมีย
ซึ่งวิธีดังกล่าวถึงแม้จะได้อัตราส่วนต้นกะเทยที่สูงขึ้น แต่ทว่าก็ยังมี
ต้นตัวเมียผสมรวมอยู่ ทำให้ผู้ปลูก มะละกอ ต้องเพาะกล้าถุงละ 3 ต้น
เพราะเมื่อนำไปปลูกในแปลงแล้ว เมื่อมะละกออายุได้ 3-4 เดือน
จะเริ่มออกดอก ก็จะสามารถเห็นได้ว่าต้นไหนเป็นต้นกะเทยหรือ
ต้นไหนเป็นตัวเมีย ซึ่งก็จะตัดต้นตัวเมียทิ้งให้เหลือเพียงแต่ต้นกะเทย
หลุมละ 1 ตัน ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำให้แปลงมีแต่ต้นกะเทยนั่นเอง
เทคนิคนี้เป็นวิธีที่เกษตรกรใช้มาตลอด แม้ได้ผลในแง่ปฎิบัติ แต่ทว่า
ต้องใช้เวลาถึง 3 เดือนถึงจะทราบว่าต้นไหนเป็นต้นกะเทย ซึ่งใน
ระหว่างนี้เกษตรกรต้องเสียค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าแรงงานในการดูแล
รวมทั้งต้องใช้เมล็ดจำนวนมากด้วย ซึ่งเป็นต้นทุนที่ต้องจ่ายไปทั้งสิ้น
และการปลูก 3 ต้นในหลุมเดียว มะละกอที่เบียดกันขึ้นมามีลักษณะ
เอนเอียง เมื่อตัด 2 ต้นทิ้งไป เหลือไว้หลุมละ 1 ต้น ต้นที่เอียงมักมี
ปัญหาช่วงติดลูกซึ่งรากยึดไม่ไหว ต้นไม่แข็งแรงเท่าที่ควร
โดยการที่จะประหยัดต้นทุนที่กล่าวไปข้างต้นนี้ จะสามารถประหยัดได้โดย
การเลือกเมล็ดมะละกอที่มีโอกาสเกิด ต้นกะเทยที่สูงกว่าเดิม ซึ่งในปัจจุบัน
ก็มีการพัฒนาของพันธุ์ มะละกอ ส้มตำ จากหลายบริษัท โดยหนึ่งในนั้น
ก็ได้ประสบความสำเร็จผลิต ” มะละกอ ส้มตำ 90 ” จากบริษัท East-west seed
ตราศรแดง นั่นเอง ซึ่งให้ต้นกะเทยมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ จึงตอบโจทย์ในการ
ลดต้นทุนของเกษตรกรอย่างมาก โดย เมล็ดพันธุ์ มะละกอ ส้มตำ 90 สามารถ
นำมาปลูกหลุมละ 1 ต้น ถ้าเกษตรปลูกมะละกอ 100 ต้น ก็จะได้ต้นกะเทย
แน่นอน 90 ต้น ซึ่งก็เป็นอัตราส่วนที่พอรับได้ หรือลงปลูกหลุมละ 2 ต้น เพื่อ
ให้แน่ใจว่าจะได้ต้นกระเทย 100 เปอร์เซ็นต์ทั้งแปลง ก็สามารถทำได้
ซึ่งก็ยังใช้ต้นทุนน้อยกว่าในแบบวิธีทั่วไปอย่างมาก
รวมทั้ง มะละกอ ส้มตำ 90 ยังถูกพัฒนามาให้ทนต่อโรคไวรัสใบจุดวงแหวน ซึ่ง
เป็นปัญหาใหญ่ของเกษตรกรผู้ปลูกมะละกอในประเทศไทย ประกอบกับ
ลักษณะ ลำต้นใหญ่ แข็งแรง ข้อสั้น ให้เก็บผลผลิตได้ง่าย สามารถปลูก
ได้ทั่วประเทศไทย อีกทั้งยังให้ผลผลิตที่สูง 150-200 ลูก/ต้น/รอบการผลิต
ผลผลิตรูปทรงสวย ยาว 33-35 ซม. น้ำหนัก 1.2-1.5 กก./ลูก เพราะฉะนั้น
การเลือกใช้ เมล็ดพันธุ์มะละกอ ที่มีอัตราการให้ ต้นกะเทยที่สูง
ให้ผลผลิตดี รวมทั้งกับการดูแลที่ดี ก็จะทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมะละกอ
สามารถสร้างรายได้และผลกำไรได้มากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
น่าสนใจครับยังมองหาอาชีพสำรองครับ